การเจาะตรวจสอบดิน (Soil Boring Test) เป็นกรรมวิธีสำคัญที่มีหน้าที่สำหรับในการดีไซน์โครงสร้างรองรับสำหรับงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นอาคารสูง สะพาน ถนนหนทาง หรือส่วนประกอบเบื้องต้นอื่นๆความรู้ความเข้าใจในคุณสมบัติของดินช่วยทำให้วิศวกรสามารถเลือกกระบวนการก่อสร้างและก็ดีไซน์รากฐานที่เหมาะสมกับภาวะพื้นที่ เนื้อหานี้จะพรีเซนเทชั่นความสำคัญของการเจาะตรวจดินในขั้นตอนวางแบบโครงสร้างรองรับ แล้วก็วิธีที่ข้อมูลที่ได้รับมาจากการสำรวจสามารถส่งผลต่อความมั่นคงแล้วก็ความปลอดภัยขององค์ประกอบ
(https://www.exesoiltest.com/wp-content/uploads/2023/03/soil-boring-3.jpg)
🥇🛒📌จุดสำคัญของการเจาะตรวจดินสำหรับในการวางแบบรากฐาน
ฐานรากนับว่าเป็นข้อสำคัญอุปกรณ์รับน้ำหนักของส่วนประกอบและก็ถ่ายทอดลงสู่พื้นดิน ความล้มเหลวของโครงสร้างรองรับมักเกิดจากการที่สภาพดินในพื้นที่ไม่สามารถที่จะรองรับน้ำหนักได้อย่างเพียงพอ การเจาะตรวจสอบดินช่วยทำให้รู้เรื่องลักษณะและคุณสมบัติของดินในเขตก่อสร้าง เป็นต้นว่า
-จำพวกของดิน: ดินเหนียว ดินปนทราย หรือหินแข็ง ล้วนมีคุณสมบัติต่างกันสำหรับเพื่อการรองรับน้ำหนัก
-ความลึกของชั้นดินที่เหมาะสม: ระดับความลึกที่มีดินแข็งหรือชั้นดินซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักเจริญที่สุด
-ระดับน้ำใต้ดิน: น้ำใต้ดินอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อความมั่นคงของฐานรากและส่วนประกอบ
ข้อมูลกลุ่มนี้ช่วยทำให้วิศวกรสามารถออกแบบฐานรากให้เหมาะสมกับภาวะพื้นที่ รวมทั้งลดการเสี่ยงของการทรุดตัวหรือการเสียหายของส่วนประกอบในอนาคต
-------------------------------------------------------------
นำเสนอบริการ Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Boring Test บริการ Soil Boring Test วิเคราะห์และทดสอบตัวอย่างดิน ทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็ม (Seismic Integrity Test)
👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/ (https://www.facebook.com/exesoiltest/)
-------------------------------------------------------------
🛒📌🦖การเชื่อมต่อระหว่างข้อมูลที่ได้มาจากการเจาะตรวจดินและโครงสร้างรองรับ
ข้อมูลที่ได้จากการเจาะตรวจสอบดินส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกชนิดของฐานราก โดยธรรมดา ฐานรากสามารถแบ่งได้ 2 ชนิดหลัก เป็นรากฐานตื้นและรากฐานลึก ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะของดินแล้วก็น้ำหนักที่โครงสร้างต้องรองรับ
1. โครงสร้างรองรับตื้น (Shallow Foundation)
โครงสร้างรองรับตื้นเหมาะกับพื้นที่ที่มีดินแข็งอยู่ใกล้ผิวดิน อย่างเช่น ดินทรายที่มีการอัดแน่นสูง ฐานรากจำพวกนี้นิยมใช้ในองค์ประกอบขนาดเล็กถึงกึ่งกลาง อย่างเช่น ตึกที่พักอาศัยหรือโรงงานขนาดเล็ก การเจาะสำรวจดินช่วยให้รู้ว่าชั้นดินข้างบนสุดมีคุณสมบัติพอที่จะรองรับน้ำหนักได้ไหม
2. ฐานรากลึก (Deep Foundation)
แม้เขตก่อสร้างมีดินที่อ่อนไหมมีความแข็งแรงพอเพียงในชั้นตื้น การใช้ฐานรากลึกจะเป็นโอกาสที่สมควร โครงสร้างรองรับลึก เป็นต้นว่า เสาเข็ม ถูกดีไซน์ให้ส่งน้ำหนักลงสู่ชั้นดินหรือหินแข็งที่อยู่ลึกลงไป การเจาะสำรวจดินมีบทบาทสำคัญสำหรับในการกำหนดความลึกที่สมควรสำหรับเพื่อการติดตั้งเสาเข็ม
📌🦖🎯ขั้นตอนการเจาะตรวจสอบดินสำหรับดีไซน์ฐานราก
1. การวางเป้าหมายการเจาะตรวจสอบ
ในขั้นตอนแรก ผู้เชี่ยวชาญจะคิดแผนตำแหน่งรวมทั้งปริมาณจุดที่จะเจาะสำรวจ โดยนึกถึงพื้นที่ทั้งหมดของแผนการรวมทั้งตำแหน่งที่จะรับน้ำหนักหลักของโครงสร้าง
2. การเก็บตัวอย่างดิน
เมื่อเริ่มการเจาะตรวจ แบบอย่างดินจะถูกเก็บจากแต่ละชั้นเพื่อทำการวิเคราะห์ อีกทั้งในภาคสนามรวมทั้งในห้องทดลอง การเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างดินช่วยทำให้ทราบถึงลักษณะการจับกุมตัวของดิน ความหนาแน่น แล้วก็ความรู้ความเข้าใจสำหรับในการรองรับน้ำหนัก
3. การวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อมูลที่ได้จากการเจาะสำรวจดินจะถูกพินิจพิจารณาเพื่อนำไปใช้สำหรับเพื่อการวางแบบรากฐาน การวิเคราะห์นี้รวมทั้งการทดลองแรงเชือด (Shear Strength) และการทดสอบการทรุดตัว (Settlement Test) ซึ่งช่วยทำให้วิศวกรสามารถคาดคะเนความประพฤติปฏิบัติของดินภายใต้แรงกดดัน
⚡✨🥇ผลกระทบของการไม่เจาะตรวจดินต่อโครงสร้างรองรับ
การไม่ทำการเจาะตรวจดินหรือการปล่อยทิ้งข้อมูลที่สำคัญ บางทีอาจนำมาซึ่งปัญหาหลายประการ เช่น
-การทรุดตัวของโครงสร้างรองรับ: หากดินในพื้นที่ไม่อาจจะรองรับน้ำหนักได้อย่างเหมาะควร
-ปัญหาเรื่องเสถียรภาพของโครงสร้าง: ดินที่มีความเข้าใจในการรับแรงน้อยอาจจะเป็นผลให้ส่วนประกอบเอียงหรือเสียหาย
-ทุนการซ่อมแซมที่สูง: ถ้าหากกำเนิดความเสื่อมโทรมกับโครงสร้างรองรับหลังการก่อสร้าง
ตัวอย่างแผนการที่การเจาะสำรวจดินช่วยเพิ่มความสำเร็จ
ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เป็นต้นว่า อาคารสูงในเมืองใหญ่ การเจาะสำรวจดินช่วยทำให้วิศวกรสามารถดีไซน์รากฐานลึกที่มั่นคงสำหรับรองรับน้ำหนักของตึก และลดการเสี่ยงของการทรุดตัว ยิ่งกว่านั้น ในโครงงานสร้างสะพาน การเจาะตรวจสอบดินช่วยทำให้สามารถระบุตำแหน่งและก็ความลึกของเสาเข็มได้อย่างเที่ยงตรง
🌏⚡✨เทคโนโลยีที่ใช้ในงานเจาะตรวจดิน
ในขณะนี้ การเจาะสำรวจดินได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำยุค ได้แก่
-วัสดุเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างแบบอัตโนมัติ: เพิ่มความเที่ยงตรงรวมทั้งลดความบกพร่องสำหรับการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่าง
-การใช้ระบบ GPS สำหรับในการวางแผนจุดเจาะ: ช่วยทำให้สามารถกำหนดตำแหน่งได้อย่างเที่ยงตรง
-การวิเคราะห์ดินด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์เฉพาะทาง: ช่วยลดระยะเวลาสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล
👉📢🌏ข้อสรุป
การเจาะตรวจสอบดิน (Soil Boring Test) เป็นขั้นตอนที่จำเป็นในวิธีการวางแบบรากฐาน ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจช่วยทำให้วิศวกรสามารถเลือกชนิดรากฐานที่เหมาะสมกับภาวะดินและความจำเป็นของโครงงาน การลงทุนในขั้นตอนการเจาะตรวจดินตั้งแต่เริ่มต้นเป็นการวางรากฐานของความปลอดภัยรวมทั้งความมั่นคงในระยะยาว รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับโครงสร้างในอนาคต
การเจาะสำรวจดินไม่ได้เป็นเพียงแค่ขั้นตอนทางด้านเทคนิค แต่ว่ายังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้แผนการก่อสร้างดำเนินไปอย่างง่ายดายรวมทั้งไปถึงเป้าหมายในทุกมิติ
Tags :
เจาะสํารวจดิน ราคา (https://soiltest.asia/wash-boring-vs-rotary-drilling/)