• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ไปถึงเป้าหมาย เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดอย่างงี้

Started by Ailie662, April 06, 2023, 08:28:22 PM

Previous topic - Next topic

Ailie662

ในช่วงเวลาที่ยังเป็นผู้เรียน หลายท่านต่างเชื่อเสมอว่าถ้าได้ตั้งอกตั้งใจเรียน สอบติดคณะที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี และก็ยิ่งเป็นอาชีพที่ผู้ใดกันแน่ก็รู้จักดังเช่น เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภูมิใจไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวพอที่จะจุนเจือ


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้เป็นสุขยังเป็นอาชีพที่นับว่า "มีหน้ามีตา" ผู้ใดกันก็ต้อนรับกันหมด

แต่ในโลกของเรื่องจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอไป

รวมทั้งในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุไร หากท้ายที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ เงินเดือนที่ไม่ได้จำนวนมากอะไร ?"

ปัญหานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากมายเลย เพราะว่ามันเต็มไปด้วยความมุ่งมาดที่รู้สึกว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ว่าหากทดลองเปลี่ยนเป็นความคิด "ฉันดำเนินการอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจมองประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่ว่าหากคิดๆดูแล้ว มันรู้เรื่องสบายใจ เยอะกว่าการถามแบบแรกเพราะว่าความจริงของชีวิตเป็น

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในตัวเอง "ผิดแผก" กันไปเราไม่จำเป็นที่ต้องเก่งแบบเดียวกันหมด

2. ในรั้วสถานที่เรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยแม้กระทั่งเราได้เรียนกับคุณครูที่เก่งขนาดไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแต่ความรู้ในรั้วแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังต้องรู้เหตุการณ์อีกมากมาย

ทำความเข้าใจกันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกมากโดยเหตุนี้ จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำต้องดำเนินงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจะต้องทำงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอ

3. มันคือเรื่องปกติที่มนุษย์เราจำเป็นต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

ค่อยๆศึกษา ค่อยๆปรับนิสัยไป สิ่งที่เรากำลังสนุกเวลานี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งเดี๋ยวนี้ ในในอนาคต มันบางทีอาจเป็นเพียงแค่ความจำ

ด้วยเหตุว่าอาจมีหลายสาเหตุให้คิดมากขึ้น ดังเช่น จำเป็นที่จะต้องพับโครงงานศึกษาต่อเอาไว้

เพราะเหตุว่าเงินไม่เพียงพอจะต้องทำงานหารายได้ก่อน และหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลปะที่เราชอบ ...

เราต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (สิ่งที่จำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหลอมหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนเราทางตรง แต่ว่าให้เราค่อยๆดูดซับจุดเด่นแต่ว่าอย่างไปเอง เป็นต้นว่า ฝึกฝนความอดทน, ฝึกความวิจิตรบรรจง,

ฝึกความชำนาญการเข้าสังคมในกาลครั้งหนึ่งที่พวกเราไม่เห็นคุณประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง พอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรจะมีบ้างล่ะที่เราคิดอะไรขึ้นมากระทั่งจำต้องไปพบ อ่ า น ปัดฝุ่นแบบเรียนอีกรอบ

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า แค่เราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกภาพให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราจะต้องมีโอกาสให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำหรับการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองจนถึงเหลือเกิน ได้แก่ หากวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงมากยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าพวกเราไม่ได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ราวกับจิตใจในทันทีมันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่จะต้องแลกกับความเหนื่อยอ่อน

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดถ้าหากจะพบว่าเพราะเหตุไร ห ม อ

บางคนถึงแต่งเพลงได้?

ทำไมบางบุคคลเรียนวิชาชีพแต่มาเป็นศิลปิน?

เพราะอะไรบางคนเรียนไม่จบแต่ประสบผลสำเร็จ?

ถ้าเกิดยังไม่เข้าในข้อนี้ ลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีหรือไม่ว่าทำอะไรอยู่?" แล้วก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม และก็มีหลายมิติ ใช่ว่าจำเป็นจะต้องมองเพียงแค่ด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/